วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

1. เซต

 เรื่องเซต
เซต 
ใช้แทนกลุ่มของคน,สัตว์,สิ่งของ หรือสิ่งที่เราสนใจ เราใช้เครื่องหมายปีกกา“{ } ”
แสดงความเป็นเซต และสิ่งที่อยู่ภายในปีกกา  เราเรียกสมาชิกของเซต
เซตที่เท่ากัน 
เซต 2 เซตจะเท่ากันก็ต่อเมื่อจำนวนสมาชิกและสมาชิกของทั้ง 2 เซต เหมือนกันทุกตัว
เช่น A={1,2,3}          B={1,2,3}     จะได้ A=B
เซตที่เทียบเท่ากัน 
เซต 2 เซตจะเทียบเท่ากันก็ต่อเมื่อ จำนวนสมาชิกของทั้ง 2 เซต เท่ากัน
เช่น  A={a,b,c}   ,     B={1,2,3}
จำนวนสมาชิกของ A= จำนวนสมาชิกของ B= 3 ตัว
n( A ) = n ( B ) = 3 
ดังนั้น A  เทียบเท่ากับเซต B
เซตจำกัด 
เซตใดๆเป็นเซตจำกัดก็ต่อเมื่อ เรารู้จำนวนสมาชิกของเซตนั้นแน่นอน
เช่น  A={1,2,3,…,100}  จะได้ n(A)=100        A เป็นเซตจำกัด
เซตอนันต์ 
เซตใดๆ จะเป็นเซตอนันต์ ก็ต่อเมื่อ จำนวนสมาชิกของเซตนั้นมากจนหาค่าไม่ได้
เช่น A={1,2,3,…}   จะได้ A เป็นเซตอนันต์
เซตว่าง 
เซตว่าง คือ เซตที่ไม่มีสมาชิกอยู่เลย เช่น { } = 0
สัญลักษณ์ที่ใช้แทนเซตจำนวน 
ใช้    R     แทนจำนวนจริง
Q    แทนจำนวนตรรกยะ
I    แทนจำนวนเต็ม
วิธีการเขียนเซต
  • ใช้การแจกแจง     X=1,2,3   A ={1,2,3}  โดย  X ⊂ A
  • เขียนแบบบอกเงื่อนไขการเขียนเซตแบบกำหนดเงื่อนไขมีวิธีการเขียนดังนี้
1.เขียนวงเล็บปีกกา
2.เขียนตัวแปร
3.เขียนสัญลักษณ์ “ | ” ตามหลังตัวแปร สัญลักษณ์ตัวนี้อ่านว่า โดยที่
4.เขียนข้อความบรรยายเงื่อนไขตัวแปร ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการเป็นสมาชิกของเซตนั้น
5.เขียนวงเล็บปีกกาปิด
ตัวอย่างเช่น
A = {X | X เป็นจำนวนคู่บวกที่น้อยกว่า 10}
เมื่อเขียน A ในแบบแจกแจงสมาชิกจะได้ดังนี้
A ={2,4,6,8}
สับเซต 
ถ้าสมาชิกทุกตัวของ A เป็นสมาชิกของ B แล้ว จะเรียกว่า A เป็นสับเซตของ B จะเขียนว่า
เซต A เป็นสับเซตของเซต B แทนด้วย A ⊂ B
ถ้าสมาชิกบางตัวของ A ไม่เป็นสมาชิกของ B จะเรียกว่า A ไม่เป็นสับเซตของ B
เซต A ไม่เป็นสับเซตของเซต B แทนด้วย A ⊄ B      
หมายเหตุ 
1. เซตทุกเซตเป็นสับเซตของตัวมันเอง (A ⊂ A)
2. เซตว่าง เป็นสับเซตของทุก ๆ เซต (ø ⊂ A)
3. ถ้า A ⊂ ø แล้ว A = ø
4. ถ้า A ⊂ B และ B ⊂ C แล้ว A ⊂ C
5. A = B ก็ต่อเมื่อ A ⊂ B และ B ⊂ A

เพาเวอร์เซต 
คำว่า เพาเวอร์เซต เป็นคำศัพท์เฉพาะ ซึ่งใช้เป็นชื่อเรียกเซตเซตหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสับเซต
เพาเวอร์เซตของ A  เขียนแทนด้วย  P(A)
P(A) คือเซตที่มีสับเซตทั้งหมดของ  A เป็นสมาชิก
การดำเนินการบนเซต 
ทำได้4วิธี
1.ยูเนียน (union)
2.อินเตอร์เซคชัน (intersection)
3.คอมพลีเมนท์ (complement)
4.ผลต่าง (difference)
1 ยูเนียน 
A ∪ B = {x|x เป็นสมาชิกของ A หรือ x เป็นสมาชิกของ B}
y
2 อินเตอร์เซคชัน 
A ∩ B ={x| x เป็นสมาชิกของ A และ xเป็นสมาชิกของ B}
y
3 คอมพลีเมนท์
A´ ={x| x เป็นสมาชิกของ U แต่ x ไม่เป็นสมาชิกของ A}
y
4 ผลต่าง
A-B = {x| x เป็นสมาชิกของ A แต่ไม่เป็นสมาชิกของ B }
y
ข้อควรรู้
  • ø´ = U                 U´ = ø
  • A - ø = A             ø - A = A
การพิสูจน์การเท่ากันของเซต 
ทำได้ 2 วิธี 1.ใช้แผนภาพเวนน์-ออยเลอร์
2.ใช้สมบัติการดำเนินการบนเซต
สมบัติการดำเนินการบนเซต 
สมบัติพื้นฐาน
  • A∪∅ = A  ,   A∪U = U
A∩∅ = ø ,   A∩U = U
  • A∪B∪C = (A∪B)∪C = A∪(B∪C) = (A∪C)∪B
A∩B∩C = (A∩B)∩C = A∩(B∩C) = (A∩C)∩B
  • A∪(B∩C)  = (A∪B)∩(A∪C)
A∩(B∪C)   = (A ∩B)∪(A∩C)
  • (A´)´ = A    (A∪B)´ = A´∩B´
(A∩B) ´ = A´∪B´
  • A-B = A∩B´
เพิ่มเติม 
A ⊂ B   แล้ว    1.  A - B = ø
2.  A∩B = A
3. A∪B = B
การหาจำนวนเซตแบบประยุกต์ 
1) กำหนด  n(A) = n ,  n(B) = m  โดยที่ A ⊂ B
จำนวนเซต X ซึ่ง A ⊂  X ⊂  B = 2 n(B) - n(A) = 2 m – n เซต
2) กำหนด  n(A) = n ,  n(B) = m  โดยที่ A ⊂ B
จำนวนเซต X ซึ่ง A Ë X แต่ X ⊂ B = 2 n(B) - 2 n(B) - n(A) =2 m- 2 m – n เซต
การหาจำนวนสมาชิกของเซตจำกัด 
1)  2 เซต
- n (A∪B) = n(A) + n(B) –n(A∩B)
- n [(A-B) ∪ (B-A)] = n(A) + n(B) –2[n(A∩B)]
2) 3 เซต
- n (A∪B∪C) = n(A) + n(B) +n(C)-n(A∩B) - n(A∩C) - n(B∩C) + n(A∩B∩C)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น